EN TH
10 เมษายน 2562

The Story of BEC : 49 ปีแห่งการเป็นผู้นำโทรทัศน์ไทย

โดย คุณประชุม มาลีนนท์

ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ดำเนินธุรกิจมาครบ 49 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ครึ่งศตวรรตของการเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ให้ความสุข สาระ บันเทิง กับคนไทยมาตลอด การเดินทางเกือบ 50 ปีของช่อง 3 ได้ผ่านการพัฒนาเพื่อเอาชนะอุปสรรคที่เจอมาหลายครั้ง เพื่อที่จะเป็นผู้นำโทรทัศน์ไทยเพื่อประชาชนคนไทย

ภาพสถานีหนองแขมในอดีต


จุดเริ่มต้น

บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2510  โดยอาคารทำการแรกของสถานีวิทยุโทรทัศน์ทีวีสีช่อง 3 ตั้งอยู่ เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร บนเนื้อที่ 6 ไร่เศษ ซึ่งประกอบไปด้วย ตึกอำนวยการเป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีห้องส่งทั้งหมด 4 ห้องมีการจัดตั้งจอขนาดใหญ่แบบไซโลคาม่า ใช้ในการทำภาพฉากท้องฟ้า โดยระบบนี้จะทำให้เกิดความชัดลึกและเปลี่ยนสีของฉากได้เสมือนจริง

ระยะแรกของการออกอากาศ ช่อง 3 สามารถให้บริการได้เฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียงรวม 18 จังหวัด หรือประมาณ 20% ของพื้นที่ประเทศไทย โดยเริ่มทดลองออกอากาศเต็มระบบเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2513 โดยเปิดสถานีตั้งแต่เวลา 09.30 น.

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2513 เวลา 10.00 น. ถือเป็นเวลาฤกษ์การเริ่มแพร่ภาพออกอากาศอย่างเป็นทางการของไทยทีวีสีช่อง 3 โดย จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดสถานีฯ โดยขณะนั้นมีอาคารสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 2259 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพมหานคร


(ซ้าย) ละครสายโลหิต ปี 2529
(ขวา) ซีรีส์จีน เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ แสดงโดย โจเหวินฟะ - เจ้าหย่าจือ


ก้าวแรกละครไทย

รายการที่ออกอากาศที่ช่อง 3 ในช่วงปีแรก ๆ ส่วนมากจะเป็นรายการภาพยนตร์ชุด และภาพยนตร์เรื่องยาว การนำเสนอออกอากาศจะเป็นการพากย์สด ซึ่งช่อง 3 ได้ติดตั้งเทเลซีนจำนวน 2 ชุด แต่ละชุดประกอบด้วยเครื่องฉายภาพยนตร์ 16 มม. และ 35 มม. พร้อมเครื่องฉายสไลด์ เนื่องจากช่อง 3 ออกอากาศระบบ 625 เส้น 25 ภาพต่อวินาที ภาพยนตร์ที่ฉายจึงต้องฉายด้วยความเร็ว 25 เฟรมต่อวินาที ส่วนเสียงต้นฉบับในฟิล์ม (Sound Track) จะออกอากาศทางสถานีวิทยุ FM 105.5 เมกะเฮิรตซ์ควบคู่กันไป

ในปี 2519 ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ปรับปรุงคุณภาพในการนำเสนอรายการละครโดย ‘ไม่มีการบอกบท’ ซึ่งถือเป็นที่แรกของวงการละครในประเทศไทย นักแสดงต้องมีการซ้อมการแสดงล่วงหน้า มีการบันทึกเทปล่วงหน้าก่อนนำออกอากาศ โดยเริ่มด้วยละครเรื่อง “ไฟพ่าย” นำแสดงโดย คุณภัทราวดี มีชูธน และ คุณสมภพ เบญจาธิกุล เพื่อออกอากาศติดต่อกันหลายวันในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากการนำเสนอรายการสดในสมัยนั้นที่จะออกอากาศเพียงแค่เดือนละครั้งเท่านั้น

หลังจากนั้นละครของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ก็เป็นที่นิยมมาตลอดของผู้ชม ละครของช่อง 3 มีการสร้างปรากฎการณ์ต่าง ๆ ให้กับประเทศไทยตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปี และได้สร้างนักแสดงระดับแนวหน้าของเมืองไทยขึ้นมาประดับวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง


(ซ้าย) ละครสี่แผ่นดิน ปี 2534
(ขวา) ซีรีส์จีน กระบี่ไร้เทียมทาน 


บุกเบิกและพัฒนารายการ

ในปี 2521 ช่อง 3 เริ่มนำข่าวต่างประเทศผ่านดาวเทียมมาออกอากาศเป็นสถานีแรกในประเทศไทย ด้วยวิธีการถ่ายทอดสดข่าวตรงมาจากแหล่งข่าวทั่วโลกผ่านดาวเทียม มาบันทึกเทปที่ประเทศฮ่องกงตอนเช้ามืด แล้วส่งม้วนเทปขนาดเล็กทางเครื่องบินมาถึงประเทศไทยตอนบ่าย เพื่อนำออกอากาศช่วงค่ำของวันเดียวกัน

การนำเสนอข่าวต่างประเทศผ่านดาวเทียมของสถานีถือได้ว่า เป็นการพลิกประวัติศาสตร์ของการเสนอข่าวที่ทันต่อสถานการณ์โลก ทำให้ผู้ชมหันมาสนใจรายการข่าวต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการแข่งขันการเสนอรายการข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์อย่างจริงจังและต่อเนื่องมาจนกระทั่งปัจจุบัน

คำขวัญของช่อง 3 ที่ว่า “คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3” โดยนำมาเผยแพร่ออกอากาศครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2527 เนื่องในโอกาสที่สถานีฯ มีอายุครบ 15 ปี

ช่อง 3 ยังเป็นผู้บุกเบิกนำซีรี่จีนและประเทศอื่น ๆ มาออกอากาศในประเทศไทย ทำให้เกิดปรากฎการณ์ความนิยมซีรี่จีน ถือเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความบันเทิงของทั้งสองประเทศ อาทิ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (ออกอากาศช่วงปี พ.ศ. 2523) ที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ถนนว่าง และการพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันเมื่อตัวเอกของเรื่อง ‘ติงลี่’ ถูกยิงตายในบท หรือ ภาพยนตร์กำลังภายใน กระบี่ไร้เทียมทาน ที่สร้างกระแสความคลั่งไคล้ฮุ้นปวยเอี๊ยงและการฝึกพลังไหมฟ้าในกลุ่มเด็กผู้ชายในสมัยนั้น รวมถึงซีรี่ เป้าบุ้นจิ้น (ออกอากาศช่วง พ.ศ. 2538) ที่ทำให้แฟน ๆ ผู้ชมติดตามการไขคดีของท่านเปากันทั่วประเทศ แถมกระแสชื่นชอบตัวละครจั่นเจาอีกด้วย

นอกจากนี้ช่อง 3 ยังมีซีรี่วัยหวานจากประเทศไต้หวัน รักใส ๆ หัวใจสี่ดวง (ออกอากาศช่วง พ.ศ.  2544) ที่นำแสดงโดยนักร้องบอยแบน F4 ที่มาสร้างสีสรรให้กับผู้ชม และทำให้วง F4 โด่งดังในประเทศไทยเป็นอย่างมากในช่วงนั้น และในปี พ.ศ. 2548 ช่อง 3 ได้นำซีรี่เกาหลี แดจังกึม มาสามารถสร้างความนิยมในกลุ่มผู้ชมได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นการบุกเบิกซีรี่ต่างประเทศในประเทศไทย ที่ได้สร้างความสุขให้กับผู้ชมตลอดมา
 

(ซ้าย) ละครอาญารัก ปี 2543
(ขวา) ซีรีส์เกาหลี แดจังกึม ปี 2548


ก้าวไกลทั่วไทย

ทางสถานีฯ ได้ขยายสถานีเครือข่ายในส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ช่อง 3 สามารถขยายเครือข่ายครบ 32 สถานีออกอากาศ ซึ่งทำให้ช่อง 3 สามารถแพร่ภาพออกอากาศในระบบอะแนล็อคครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยได้กว่าร้อยละ 90 และให้บริการประชาชนได้กว่าร้อยละ 96 ของประชาชนทั่วประเทศ

ในด้านข่าว ปี 2539 ช่อง 3 ได้เพิ่มทีมข่าวมากถึง 64 ทีม และในปีต่อมาก็ได้เริ่มการตัดต่อเทปข่าวแบบ Non-Linear โดยใช้คอมพิวเตอร์ควบคู่กับซอฟต์แวร์เพื่อให้การตัดต่อข่าวได้รวดเร็ว ได้ภาพและเสียงอย่างสมบูรณ์ นับได้ว่าเป็นก้าวแรกที่ใช้เทคโนโลยีและไอที ในการผลิตรายการข่าว และได้เริ่มใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก ในปี 2544 เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมการเริ่มเข้าสู่ยุคดิจิตอล และในช่วงเวลาเดียวกัน ได้มีการเปิดตัว อินเทอร์เน็ต Homepage ช่อง 3 ดำเนินการโดย BEC World และบริษัทในเครือ ตามกระแสออนไลน์ที่กำลังเข้ามาสู่ประเทศไทยในสมัยนั้น

นอกจากนี้ ช่อง 3 ยังเป็นผู้บุกเบิกรายการเล่าข่าวในช่วงเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ช่อง 3 ทราบว่าผู้ชมคนไทยต้องการข่าวสารมากที่สุดก่อนที่จะออกจากบ้านไปทำงาน รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ จึงเป็นรายการข่าวที่เป็นที่นิยมสูงมากเป็นประวัติการของรายการข่าวในประเทศไทย

รายการเรื่องเล่าเช้านี้

เข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอล

เดือนกุมภาพันธ์ 2555 ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอล โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกประกาศให้มีการเปลี่ยนผ่านระบบการรับ–ส่งสัญญาณโทรทัศน์จากระบบแอนะล็อก เป็นระบบ “ดิจิตอล” (Digital Television) ซึ่งเป็นไปตามแผนขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ทีวีดิจิตอล

วันที่ 26-27 ธันวาคม 2556 กลุ่มบีอีซีเวิลด์ บริษัทแม่ของไทยทีวีสีช่อง 3 มอบหมายให้ บจก. บีอีซี-มัลติมีเดีย เข้าประมูลช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ ทั้งสามประเภทคือ รายการทั่วไป ภาพคมชัดสูง (HD - High Definition), รายการทั่วไป ภาพคมชัดปกติ (SD - Standard Definition), รายการเด็กและครอบครัว (Family) และผลปรากฏว่า รายการเด็กและครอบครัว ได้ช่องหมายเลข 13 , รายการทั่วไป ภาพคมชัดปกติ ได้ช่องหมายเลข 28 ส่วนรายการทั่วไป ภาพคมชัดสูง ได้ช่องหมายเลข 33

               


เคียงข้างคนไทยตลอดมา

        ช่อง 3 ให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมอยู่เสมอ โดยได้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมและคนไทยได้มีโอกาสที่ดี ๆ ในฐานะของการเป็นสื่อ ช่อง 3 มีโอกาสได้พบเจอความลำบากยากแค้นของประชาชนได้มากกว่าคนอื่นจากการลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติงานของฝ่ายข่าว ช่อง 3 ซึ่งได้แก่ ผู้บริหาร พนักงาน ผู้จัด นักแสดง ผู้ประกาศข่าว ผู้สื่อข่าว จึงอาสาเป็นตัวกลางที่จะเชื่อมให้เกิดแคมเปญที่จะช่วยแบ่งเบาความยากลำบากของคนในสังคมลงได้ อาทิ การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ ในปี 2554 ที่ช่อง 3 ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตั้งแต่การนำเสนอข่าวในพื้นที่ที่ประสบภัย เพื่อสร้างการรับรู้ของคนในสังคม และเป็นตัวกลางให้เกิดการแสดงน้ำใจของคนไทยจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีจิตศรัทธาในการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการเพื่อสังคมอีกมากมาย อาทิ โครงการช่อง 3 รักษ์โลก ที่รณรงค์ให้คนไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นต้น


คอนเทนท์ช่อง 3 บนดิจิตอลแพลตฟอร์ม & โกอินเตอร์

เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น แม้ความต้องการชมคอนเทนท์ยังมีอยู่สูงแต่ผู้ชมมีพฤติกรรมการชมบนแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงไป สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จึงพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้ชมบนโลกดิจิทัล ภายใต้แบรนด์ “Ch3Thailand” และ “Mello” ดำเนินงานบริหารโดยบริษัท บีอีซีไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท บีอีซี เวิลด์

“Ch3 Thailand” คือสื่อออนไลน์อย่างเป็นทางการของช่อง 3 ครอบคลุมทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย เปิดให้บริการดูทีวีออนไลน์ ทั้งคอนเทนท์ละคร ข่าว และบันเทิงอื่น ๆ แบบคู่ขนานกับหน้าจอทีวี ทั้งสามช่องฟรี ได้แก่ ช่อง 33 ช่อง 28 ช่อง 13 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ชมที่กำลังเดินทางหรือติดภารกิจอยู่นอกบ้าน ได้รับชมรายการจากทางสถานีฯ ทุกที่ทุกเวลา ในขณะที่ “Mello” นำเสนอทั้ง Mello Original เป็นซีรีส์และรายการพิเศษที่ตั้งใจผลิตเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ และการรับชมละครช่อง 3 ย้อนหลังบน Mello ที่แรกได้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. หลังละครออนแอร์

ช่อง 3 โดย บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ของละครเพื่อออกอากาศในต่างประเทศ รวมถึงการผลิตรายการร่วมกับลูกค้าต่างประเทศ เพื่อออกอากาศทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีทั้งการจำหน่ายตรงให้กับพันธมิตรในประเทศนั้น ๆ และยังมีการทำงานร่วมกับบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์เพื่อขยายตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้การจำหน่ายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจออกสู่ตลาดโลกในรูปแบบอื่น เช่น การจัดงานอีเว้นท์ กิจกรรมของดารานักแสดง การโฆษณา และการขายสินค้าต่างๆ อีกด้วย

การเพิ่มแพลตฟอร์มการรับชมให้มากกว่าแค่ ON TV ไปยัง ONLINE และขยายสู่ต่างประเทศ ก็เป็นการปรับตัวให้ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตาม Technology Disruption ทำให้ช่อง 3 ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สื่อโทรทัศน์ที่เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ แต่เป็นผู้ผลิตและผู้จัดหารายการ (Content  Agregator) ที่นำเสนอรายการคุณภาพในทุกสื่อที่เข้าถึงประชาชนได้ในหลายแพลตฟอร์ม



ปี 2562 ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ด้วยความมั่นคง

ในสถานการณ์ที่การแข่งขันของทีวีดิจิตอลที่มีจำนวนช่องมากเกินไป งบประมาณโฆษณาสินค้าไม่ได้เติบโตอย่างที่คาดการณ์ไว้ สิ่งเหล่านี้ยังเป็นงานหนักของผู้ประกอบการทุกคน รวมถึงช่อง 3 เอง สิ่งที่ช่อง 3 เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ก็คือการไม่หยุดพัฒนาคอนเทนต์ เพราะคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาเข้ามา เมื่อคอนเทนต์ดี ผู้ชมก็เข้ามาชม ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของเม็ดเงินค่าโฆษณาก็ย่อมที่จะอยากใช้จ่ายโฆษณากับคอนเทนต์นั้น ๆ

การก้าวต่อไปของไทยทีวีสีช่อง 3 ยังคงเป็นก้าวที่สำคัญ โดยมองว่าองค์กรนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อ (Media) เท่านั้น แต่ช่อง 3 ยังคงมุ่งสู่ความเป็นเลิศในธุรกิจความบันเทิงและข่าวสาร เพื่อสนองตอบความต้องการของประชาชนและลูกค้าบนทุกแพลตฟอร์ม

ช่อง 3 ตระหนักเสมอว่าสภาวะการแข่งขันในอนาคตจะไม่ใช่มีเพียงจากธุรกิจทีวีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจออนไลน์อื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบ และตระหนักว่าธุรกิจความบันเทิงและข่าวสารจะเป็นการแข่งขันที่ไม่เฉพาะเจาะจงในประเทศไทยเท่านั้น เพราะคู่แข่งคอนเท้นต์นั้นจะมาจากต่างประเทศอีกด้วย แต่ในทางกลับกันช่อง 3 ก็เห็นโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้นในตลาดต่างประเทศและออนไลน์อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ช่อง 3 มีจุดแข็งที่การมีคอนเทนท์คุณภาพ และบุคคลากรที่มีความสามารถเป็นจำนวนมาก การปรับตัวของช่อง 3 นั้นคือการใช้ทรัพยากรที่มีคุณภาพให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการปรับองค์กรให้มีความสามารถในการแข่งขันอยู่เสมอ ด้วยหลักในการทำงานที่สำคัญดังนี้

ปรับองค์กรเพื่อรับมือกับยุคดิจิตอล (Digital Transformation): ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาในการทำงานมากขึ้น ทำให้ระบบการทำงานมีความรวดเร็ว มีความยืดหยุ่นสูง ลดขั้นตอนการทำงานลง และที่สำคัญคือการเกิดต้นทุนที่เหมาะสมมากขึ้นเมื่อมีเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน

เข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้ชมด้วย Customer Centric: การทำงานที่มีพื้นฐานจากความเข้าใจและรู้ใจผู้ชมอย่างแท้จริงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อจะนำความต้องการของผู้ชมมาวิเคราะห์และปรับใช้ในการทำงานและการผลิตผลงานให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความชอบของผู้ชม รวมถึงลูกค้าของช่อง 3 ทั้งในเรื่องของคอนเทนท์ที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยม การสามารถเลือกชมบนแพลตฟอร์มที่สะดวกที่สุด รวมถึงการจัดกิจกรรมออนกราวด์กับแฟน ๆ ที่จะทำให้เกิด Engagement ระหว่างผู้ชมและช่อง 3 ทำให้ช่อง 3 กลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้ชมมากกว่าจะแค่เป็นผู้ผลิตคอนเทนท์เท่านั้น

เป็นองค์กรเรียนรู้และเท่าทันการเปลี่ยนแปลงด้วย Learning Organization: ในเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศจึงไม่สิ้นสุดเช่นกัน บุคคลากรของช่อง 3 เป็นผู้มีประสบการณ์และความสามารถเป็นที่ยอมรับทั่วไป ดังนั้นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เพื่อความเข้าใจในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงตามทันเทคโนโลยีที่มาใหม่ ก็จะเสมือนการติดปีกให้กับบุคคลากรของช่อง 3 ในการผลิตผลงานเพื่อนำสู่ประชาชนได้อย่างที่ผู้ชมและสังคมต้องการ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะผลิตสร้างสรรค์และแสวงหารายการให้สอดคล้องกับรสนิยมอันหลากหลายของผู้ชมมานำเสนอ และสิ่งที่ดำเนินการควบคู่กันมาก็คือการนำเสนอสาระ ความรู้ เพื่อเปิดโลกทัศน์ อันกว้างไกล รวมถึงการสร้างรสนิยมใหม่ๆ ผ่านทางรายการต่างๆ ของสถานีฯ มาโดยตลอด ผมใคร่ขอขอบคุณ ผู้ชม ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนไทยทีวีสีช่อง 3 ผมและทีมงานจะยังคงมุ่งมั่นผลิตคอนเทนท์คุณภาพ คงความเป็นสื่อที่รับผิดชอบต่อสังคม และสัญญาว่าจะยังคงยึดมั่นปณิธานของทางสถานีฯ ที่ว่า “คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3”