14 พฤษภาคม 2540
นำส่งงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยไตรมาส1ปี2540
-3-
4. ทุนเรือนหุ้น
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติพิเศษให้เพิ่มทุนจดทะเบียน
จาก 1,800 ล้านบาท (แบ่งเป็น 180 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 2,000 ล้านบาท
(แบ่งเป็น 200 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) และเสนอให้พิจารณาจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่
จำนวน 20 ล้านหุ้น ขายให้ประชาชนทั่วไป โดยคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้เสนอขายหุ้นสามัญ
เพิ่มทุนดังกล่าว ในราคาหุ้นละ 142 บาท และกำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นในวันที่ 22-24
พฤษภาคม 2539 บริษัทได้รับเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนครบถ้วนในวันที่ 28 พฤษภาคม 2539 และได้
จดทะเบียนการเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2539 ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียน
เป็น 2,000 ล้านบาท ทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้น
ทั้งสิ้น 2,536.50 ล้านบาท (ส่วนเกินมูลค่าหุ้นแสดงยอดสุทธิจากค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายหุ้น
จำนวน 103.5 ล้านบาท)
5. เงินปันผลจ่าย
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2540 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล
แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 200 ล้านหุ้น ในอัตราหุ้นละ 5.42 บาท เป็นเงิน 1,084 ล้านบาท และในที่
ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2540 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2540 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล
ดังกล่าว โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 7 พฤษภาคม 2540
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2539 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล
แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 180 ล้านหุ้น ในอัตราหุ้นละ 1 บาท เป็นเงิน 180 ล้านบาท แต่ในที่ประชุม
สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2539 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2539 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือ
หุ้นจำนวน 180 ล้านหุ้น จากเดิมในอัตราหุ้นละ 1 บาท เป็น 1.50 บาท เป็นเงิน 270 ล้านบาท
มีกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 พฤษภาคม 2539
6. ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายหน้า
บริษัทย่อยมีภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายหน้า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2540 และ
2539 ดังนี้
6.1 บริษัทย่อยมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต ปี 2539 จำนวนเงิน
ประมาณ 4.0 ล้านบาท
6.2 บริษัทย่อยมีภาระผูกพันตามหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ จำนวนเงิน
ประมาณ 39.25 ล้านบาท และ 37.91 ล้านบาท ตามลำดับ
7. การเสนอข้อมูลทางการเงินจำแนกตามส่วนงาน
บริษัทและบริษัทย่อยดำเนินกิจการในส่วนงานทางธุรกิจเดียวคือ ธุรกิจด้านบันเทิงและ
สันทนาการ และดำเนินธุรกิจในส่วนงานทางภูมิศาสตร์เดียวคือ ในประเทศไทย ดังนั้นรายได้
กำไรและสินทรัพย์ทั้งหมดที่แสดงในงบการเงินจึงเกี่ยวข้องกับส่วนงานทางธุรกิจตามที่กล่าวไว้
-4-
8. รายการระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
บริษัทมีรายการสินทรัพย์ หนี้สิน รายได้และค่าใช้จ่ายบางส่วนกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกันโดยมีผู้
ถือหุ้น และ/หรือกรรมการร่วมกัน รายการดังกล่าวเป็นไปตามปกติธุรกิจตามราคาตลาดซึ่งสามารถ
เปรียบเทียบได้กับรายการค้าที่เกิดกับบุคคลภายนอก ผลของรายการดังกล่าวได้แสดงไว้ในงบการ
เงินนี้ตามมูลฐานที่ตกลงร่วมกันโดยบริษัทและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
9. อื่น ๆ
9.1 บริษัทย่อยได้ทำสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีกับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศ
ไทยตามสัญญาลงวันที่ 28 เมษายน 2521 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2525
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2530 และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2532 ได้รับสิทธิ
ร่วมดำเนินการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จนถึงวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยทรัพย์
สินที่บริษัทย่อยได้กระทำขึ้นหรือได้จัดหามาไว้สำหรับใช้ในการดำเนินการตามสัญญานี้ ให้ตกเป็น
ทรัพย์สินขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย นับแต่วันที่ได้กระทำหรือได้จัดหาโดยบริษัทย่อย
มีสิทธิในการใช้ทรัพย์สินดังกล่าวได้
ภายใต้สัญญาดังกล่าวข้างต้น บริษัทย่อยจะต้องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรายปีแก่องค์การ
สื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่ระบุไว้ในสัญญา
9.2 บริษัทย่อยได้ทำสัญญาเช่าเวลาจัดรายการ และโฆษณากับองค์การสื่อสารมวลชนแห่ง
ประเทศไทยตามสัญญาลงวันที่ 25 มกราคม 2533 และแก้ไขใหม่ ลงวันที่ 22 กันยายน 2537
โดยได้รับสิทธิในการจัดรายการและโฆษณาสถานีวิทยุ อ.ส.ม.ท. เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 105.5
เมกกะเฮิร์ตซกรุงเทพมหานคร จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับอายุสัญญาร่วม
ดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สี แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 โดยมีข้อตกลงว่าหากสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่ง
โทรทัศน์สี สิ้นสุดลงไม่ว่าด้วยเหตุใดก่อนครบกำหนดอายุสัญญา ให้ถือว่าสัญญานี้เป็นอันสิ้นสุดด้วย
ภายใต้สัญญาดังกล่าวข้างต้น บริษัทย่อยจะต้องจ่ายค่าเช่าเวลาและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ราย
เดือนแก่องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่ระบุไว้ในสัญญา
9.3 บริษัทย่อยมีบันทึกข้อตกลงการร่วมดำเนินกิจการให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิก
กับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2537 โดยได้รับสิทธิร่วม
ดำเนินกิจการให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกเป็นเวลา 25 ปี ซึ่งบริษัทย่อยจะต้องจัดตั้ง
บริษัทมหาชนจำกัดขึ้นเพื่อประกอบกิจการนี้ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงและ
ในปี 2539 บริษัทย่อยได้แจ้งยกเลิกบันทึกข้อตกลงการร่วมดำเนินกิจการให้บริการโทรทัศน์ ระบบ
บอกรับเป็นสมาชิก ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2537 กับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
เนื่องจากอุปสรรคในการบริหารกิจการและการใช้เทคโนโลยี และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประ
เทศไทยได้มีมติให้ยกเลิกบันทึกข้อตกลงฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม 2539 ซึ่งบริษัทย่อย
มีความเสียหายจากการยกเลิกบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นจำนวนเงินประมาณ 24.43 ล้านบาท
-5-
10. การจัดหมวดบัญชีใหม่
บัญชีบางหมวดในปี 2539 ได้มีการจัดประเภทบัญชีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการแสดงงบการ
เงินในปี 2540