วิสัยทัศน์
ผู้นำทางด้านคอนเทนต์และธุรกิจบันเทิงของประเทศไทย
พันธกิจ
ปรับเปลี่ยน BEC World ให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและมีความคิดไปข้างหน้า โดยยกระดับดีเอ็นเอความคิดสร้างสรรค์ของช่อง 3 เพื่อส่งมอบความสดใหม่ ด้วยคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับผู้ชมในปัจจุบันและใช้เทคโนโลยีกับการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพผ่านทุกช่องทางหน้าจอ ทั่วไทยและต่างประเทศ
ค่านิยมขององค์กร
กลยุทธ์
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์
รักษาตำแหน่งทางการตลาดเดิม สร้างความแข็งแกร่งเพิ่มในกลุ่มผู้ชมหัวเมืองใหญ่ และขยายฐานผู้ชมใหม่เพื่อรักษาเรตติ้งทีวีและจำนวนผู้ชม บริษัทจึงต้องรักษาตำแหน่งทางการตลาดเดิม คือความเป็นสถานีอันดับหนึ่งในด้านความนิยมของผู้ชมโทรทัศน์ในกรุงเทพและหัวเมืองสำคัญ และพยายามขยายฐานผู้ชมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมอายุ 15-24 ปี และ 25-29 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคอนเทนต์ละครในช่วง Prime-Time, สร้างรายได้ในช่วง Non-Prime Time จากรายการข่าว และ รายการวาไรตี้ รวมถึง สร้างความแข็งแกร่งให้กับรายการสุดสัปดาห์ เพื่อขยายฐานผู้ชม
รายการข่าว
- มุ่งเน้นการนำเสนอข่าวที่ทันเหตุการณ์ และเชื่อถือได้ผ่านทางพิธีกรข่าวที่มีคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพ
- นำเสนอรายการข่าวที่มีความโดดเด่น ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึก และการรายงานข่าวที่เข้าใจง่ายตรงประเด็น
- นำเสนอข่าวที่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ สู่ผู้ชมทั้งทางออฟไลน์และดิจิทัล (Offline & Online Platforms) และเป็นศูนย์กลางการพึ่งพาของคนในประเทศ
- ใช้พื้นที่ข่าวดิจิทัล เพื่อเป็นพื้นที่ในการสร้างการรับรู้ และขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่
ละคร
- ขยายฐานผู้ชมสู่นอกเมืองและผู้ชมที่มีอายุน้อยลงผ่าน เนื้อหาและรูปแบบละครใหม่ โดยผู้ผลิตและดารานักแสดงรุ่นใหม่
- สร้างความน่าสนใจและความแปลกใหม่ให้กับผู้ชมผ่านคอนเทนต์ละคร, เทคนิคการเล่าเรื่องแบบใหม่, โครงเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก รวมไปถึงการรับบทบาทใหม่ๆของนักแสดง ในขณะที่ยังคงรักษาคุณภาพของการผลิตที่มีชื่อเสียงของช่อง 3
วาไรตี้
- นำเสนอรายการวาไรตี้รูปแบบใหม่ทันสมัย โดยผู้ผลิตคุณภาพทั้งรายการที่เป็น International format และรายการที่สร้างสรรค์ขึ้นเอง
- ปรับปรุงรูปแบบรายการวาไรตี้ที่แข็งแรงอยู่แล้วให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น
เป้าหมายของบริษัทฯ คือ การดำเนินการให้ธุรกิจมีความหลากหลายมากขึ้น สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก โดยลดการพึ่งพารายได้จากค่าโฆษณาโทรทัศน์ภายในประเทศ เนื่องจากการโฆษณาทางโทรทัศน์มีการลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงสร้างนวัตกรรมในการโฆษณารูปแบบใหม่ๆที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ลงโฆษณาในปัจจุบันได้ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยตรง (เช่น Home shopping, QR, SMS) หรือ การรับรู้แบรนด์ และ การมีส่วนร่วมผ่านการตลาดแบบบูรณาการ (integrated marketing solutions)
การดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Single Content Multiple Platforms จะเป็นการสร้างและกระจายรายได้ในช่องทางอื่นๆ โดยบริษัทได้มีการนำคอนเทนต์ที่ออกอากาศบนโทรทัศน์ไปต่อยอดการสร้างรายได้ผ่านธุรกิจการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ (Global Content Licensing) และดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Online) โดยตั้งเป้าให้ทั้งสองธุรกิจมีรายได้รวมกัน 1,000 ล้านบาทในปี 2565
ธุรกิจ Global Content Licensing หรือ GCL คือธุรกิจการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ได้มีการขยายตลาดไปยังหลากหลายประเทศและหลากหลายแพลตฟอร์มยิ่งขึ้น โดยเน้นการเติบโตในประเทศจีน และ อาเซียนเป็นหลัก นอกจากนี้ยังขยายตลาดไปในประเทศที่น่าสนใจ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น
ธุรกิจ Digital Platform คือธุรกิจการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ผ่านทาง Content Streaming Service Operators ต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาบริการออนไลน์โดยในปัจจุบัน ช่องทางดิจิทัลแพลตฟอร์มหลักของบริษัทฯ คือ แอปพลิเคชั่น “CH3Plus” ซึ่งเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ รับชมรายการทีวีสด รายการทีวีย้อนหลัง ทั้งนี้ในช่วงต้นปี 2564 บริษัทฯ ได้เปิดตัว “CH3Plus Premium” ที่ให้บริการในลักษณะ Subscription Video on Demand (SVOD) ระบบบอกรับสมาชิกเพื่อรับชมคอนเทนต์พรีเมียมก่อนใคร และยังเป็นช่องทางให้ผู้ชมได้มีโอกาสใกล้ชิดกับศิลปินดาราได้มากขึ้นในรูปแบบของ “Fandom” ที่จะมีกิจกรรมร่วมกับศิลปินดาราของช่อง3 ตลอดปี
นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม ปี 2565 บริษัทฯ ได้ต่อยอดธุรกิจใหม่ด้วยการเปิดตัวธุรกิจเพลง ด้วยการส่งนักแสดงที่มีศักยภาพทางด้านเพลงขึ้นแท่นเป็นศิลปินเพลงเต็มตัว และประเดิมคนแรกคือ แต้ว “ณฐพร เตมีรักษ์” ทั้งนี้ บริษัทฯ มีศักยภาพที่พร้อมใช้ทั้งสื่อโทรทัศน์ และสื่อโซเชี่ยลมีเดียทั้งของบริษัทฯ และทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงสื่อวิทยุที่จะเผยแพร่ผลงานให้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมและผู้ฟังได้อย่างทั่วถึง และจะมีศิลปินทยอยเปิดตัวต่อไป
และเพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 บริษัทฯ ได้เปิดตัวธุรกิจภาพยนตร์ โดยร่วมมือกับผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผลิตภาพยนตร์ร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยประเดิมด้วยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง “บัวผัน ฟันยับ” และพร้อมจะร่วมกันสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เกิดความยิ่งใหญ่ต่อไปทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันผลิตภาพยนตร์ ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนงานที่จะร่วมมือเอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผลิตภาพยนตร์กันอยู่หลายเรื่อง
เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจ บริษัทฯ ได้จัดตั้งหน่วยงานการผลิตของตนเองเพื่อผลิตคอนเทนต์ ของตนเอง ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถที่จะบริหารการผลิตทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนการผลิต ขั้นตอนระหว่างการผลิต และ ขั้นตอนหลังการผลิต โดยบริษัทจะสามารถผลิตคอนเทนต์ เพื่อออกอากาศหรือ Streaming บน platform ของบริษัท (TV and CH3Plus) และสำหรับ platform อื่นๆในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการสร้าง Original Contents และ On-demand Contents
บริษัทฯ มีความพยายามในการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินมาตลอด โดยในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ได้มีการปรับขนาดองค์กรให้กระชับ มีประสิทธิภาพ และมีการคืนใบอนุญาต 2 ช่อง รวมถึงมีการยุติการออกอากาศบนช่อง 3 แอนะล็อกตามการสิ้นสุดลงของสัญญาสัมปทาน ซึ่งทำให้เกิดการประหยัดต้นทุน และลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งได้ปรับกระบวนการในการทำงาน รวมไปถึงการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับการแข่งขันในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้องค์การสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากความพยายามในการลดต้นทุนมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2564 ต้นทุนของบริษัทฯ ได้มีการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยต้นทุนที่ลดลงอย่างมากคือ ต้นทุนขายและบริหาร ที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างบริษัทให้กระชับและสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากนโยบายการควบคุมต้นทุนการผลิตที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2565 บริษัทฯยังคงดำเนินตามนโยบายการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสร้างผลให้เกิดความแข็งแกร่งทางการเงินควบคู่ไปกับการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน